engine coolant

ความสำคัญของสารหล่อเย็น

พวกเราทราบกันดีถึงความสำคัญในการดูแลรถยนต์ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ ตั้งแต่ การตรวจสอบยางรถยนต์ จนถึง การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสม และ การเข้ารับการตรวจสอบเป็นประจำ นอกจากนี้เครื่องยนต์ของท่านยังต้องการของเหลวอีกหนึ่งชนิดเพื่อให้ทำงานได้อย่างราบรื่น และสิ่งนั้นคือ สารหล่อเย็น
 
1. สารหล่อเย็นคืออะไร
สารหล่อเย็น ประกอบไปด้วย น้ำเปล่า 50% และ ไกลคอล 50% ซึ่งรู้จักกันดีในคำว่า สารป้องกันการแข็งตัว ซึ่งถูกใช้เพื่อลดการแข็งตัว หรือ การเดือด ของ สารหล่อเย็น ซึ่งคุณสมบัติ ดังกล่าวสำคัญมากกับเครื่องยนต์ของท่าน
 
2. ทำไมสารหล่อเย็นถึงสำคัญกับเครื่องยนต์
สารหล่อเย็น ช่วยให้อุณหภูมิของเครื่องยนต์คงตัวและใช้งานได้ดีในทุกๆสภาวะอากาศ นอกจากนี้สารหล่อเย็นยังช่วยป้องการเกิดสนิม และ การกัดกร่อนของโลหะ (ที่ไม่ได้ทำจากเหล็ก) ภายใน หม้อน้ำ, เครื่องยนต์ และ เครื่องทำความร้อน
 
3. ควรใช้สารหล่อเย็นประเภทไหน
ในขั้นตอนแรก ท่านควรศึกษาจากคู่มือการบำรุงรักษารถจากผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อให้มั่นใจว่า สารหล่อเย็นประเภทใดเหมาะสมที่สุด โดยสารหล่อเย็นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท และ อาจมีสีที่แตกต่างกันในบางครั้ง
 
Inorganic Additive Technology (IAT)

เทคโนโลยีสารเพิ่มคุณภาพจากสารอนินทรีย์

สารหล่อเย็นประเภทนี้มี สีเขียวสะท้อนแสง ซึ่งควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 50,000 กม. สารหล่อเย็นประเภทนี้เหมาะสมที่จะใช้กับรถยนต์รุ่นเก่าที่ผลิตช่วงกลางยุค 90 เป็นสารหล่อเย็นที่แนะนำสำหรับรถยนต์ของ ไครสเลอร์ (Chrysler) และ ฟอร์ด (Ford)

Organic Additive Technology (OAT)

เทคโนโลยีสารเพิ่มคุณภาพจากสารอินทรีย์

สารหล่อเย็นประเภทนี้อาจเป็นมี สีส้ม, สีอำพัน, สีน้ำเงิน, หรือ สีเขียวเข้ม ซึ่งควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 200,000 กม. โดยสารหล่อเย็นประเภทนี้เหมาะกับการใช้งานทั้งกับรถยนต์ใหม่และเก่า ซึ่งถูกแนะนำโดย โฟล์คสวาเกน (Volkswagen), ฮอนด้า (Honda), โตโยต้า (Toyota), เปอโรดัว (Perodua), วอลโว่ (Volvo), รวมถึง เทสล่า (Tesla)

Hybrid Organic Additive Technology (HOAT)

เทคโนโลยีสารเพิ่มคุณภาพจากสารอินทรีย์แบบผสม

สารหล่อเย็นประเภทนี้ มีหลากหลายสี ตั้งแต่ สีเหลือง, สีส้ม, สีอำพัน, สีน้ำเงิน, สีชมพู, สีแดง, หรือ สีม่วง ซึ่งควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 200,000 กม. สารหล่อเย็นประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ และถูกแนะนำโดย บีเอ็มดับเบิ้ลยู (BMW), อาวดี้ (Audi), โฟล์คสวาเกน (Volkswagen), พอร์เช่อ (Porsche), จากัวร์ (Jaguar), แลนด์ โรเวอร์ (Land Rover), วอลโว่ (Volvo) และผู้ผลิตรถยนต์ในภูมิภาคเอเชีย เช่น ฮอนด้า (Honda), เปอโรดัว (Perodua) and โตโยต้า (Toyota).

4. ท่านควรตรวจสอบระดับสารหล่อเย็นบ่อยเพียงใด
ท่านควรตรวจสอบระดับของสารหล่อเย็น 2 ครั้ง ต่อปี ซึ่งจะดีกว่าถ้าตรวจสอบก่อนที่ ไฟสัญญาณ “ตรวจสอบสารหล่อเย็น” ติด หรือ ก่อนที่สารหล่อเย็นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลขุ่น
 
5. ท่านสามารถตรวจสอบและเติมสารหล่อเย็นได้อย่างไร
หลังจากการเดินทาง ท่านควรรอประมาณ 30 นาที เพื่อให้เครื่องยนต์เย็นตัวลง ก่อนเปิดฝากระโปรงรถเพื่อตรวจสอบหรือเปลี่ยนสารหล่อเย็น ท่านควรใช้เศษผ้าช่วยในการเปิดฝาสารหล่อเย็นครึ่งทาง และทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นจึงเปิดฝาออกทั้งหมด
(คำเตือน: อย่าเปิดฝาสารหล่อเย็นออกทั้งหมดในครั้งเดียว เพราะสารหล่อเย็นอาจมีฟองล้นมาที่ฝาและลวกตัวท่านได้)
 

วิธีการตรวจสอบระดับสารหล่อเย็น
    • มองหา ถังสีขาวขุ่นที่มีของเหลวภายใน สีเขียวสะท้อนแสง, สีชมพู, สีส้ม, สีแดง, หรือ สีเหลือง
    • ระดับสารหล่อเย็นควรอยู่ระหว่าง 2 ระดับปลอดภัย ที่เขียนว่า “Max” และ “Min” 
    • หากสารหล่อเย็นต่ำกว่าระดับเล็กน้อย ให้เติมน้ำเปล่าเพียงเล็กน้อย แต่หากต้องเติมมากกว่า 1 ลิตรท่านควรเติมสารหล่อเย็นแทนน้ำเปล่า 

 วิธีเติมสารหล่อเย็นในรถยนต์ 
    • ใส่กรวยเข้าไปข้างในถังสารหล่อเย็น และเติมสารหล่อเย็นจนถึงระดับ “Max”
    • ปิดฝาให้สนิท
 
 
หากเป็นการเปลี่ยนถ่ายสารหล่อเย็นครั้งแรก ท่านควรมีผู้มีประสบการณ์ในการเปลี่ยนถ่าย หรือ ให้ช่างรถยนต์ช่วยสอนท่านในการเปลี่ยนถ่ายสารหล่อเย็นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • vehicle maintenance

    การบำรุงรักษารถยนต์

    การบำรุงรักษารถเป็นประจำช่วยให้คุณใช้ประโยชน์สูงสุดจากรถคุณได้อย่างเต็มที่

  • understanding engine oil

    เข้าใจเกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง

    น้ำมันแร่ หรือ น้ำมันสังเคราะห์แท้ ค่าความหนืดและการรับรอง

  • mechanic checking engine oil

    สถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์| Mobil™

    ค้นหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น โมบิล ใกล้คุณเพื่อช่วยคุณในการเลือกผลิตภัณฑ์หล่อลื่นจาก โมบิล ที่เหมาะสมกับคุณ